วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556


วาฬสีนํ้าเงิน


          สัตว์น้ำในโลกนี้มีมากมายนับล้านชนิด แต่สัตว์น้ำที่เป็นสัตว์เลือดอุ่น แถมยังตัวใหญ่ที่สุดในโลกนั้น คงหนีไม่พ้น วาฬ (Whale) นั่นเอง โดยเฉพาะวาฬสายพันธุ์สีน้ำเงิน (Blue Whale) ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 100 ตัน หรือประมาณ 1 แสนกิโลกรัม เลยทีเดียว และเพื่อให้ได้รู้จักกับสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกกันมากขึ้น วันนี้กระปุกดอทคอม จึงรวบรวมข้อมูลของวาฬสีน้ำเงินมาฝากค่ะ
          วาฬสีน้ำเงิน (Blue whale) ถือเป็นสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยทั่วไปมีขนาดลำตัวจะยาวประมาณ 27-29 เมตร แต่ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบคือ 34 เมตร โดยเมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักประมาณ 100-200 ตัน แค่เฉพาะลิ้นก็มีน้ำหนักเทียบเท่ากับช้างหนึ่งตัว และหัวใจก็มีขนาดเท่ารถยนต์หนึ่งคัน เราจะพบเห็นวาฬสีน้ำเงินได้ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้, แอตแลนติก, มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแอนตาร์กติกา
          วาฬเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเล ซึ่งคนทั่วไปยังเข้าผิดกันอยู่ วาฬ คือ ปลา''''ชนิดหนึ่ง แต่ที่จริงแล้ววาฬไม่ใช่ปลา เนื่องจากเป็นสัตว์เลือดอุ่น ที่ออกลูกเป็นตัว และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในขณะที่ปลาซึ่งจัดเป็นสัตว์เลือดเย็นจะใช้วิธีวางไข่ เพื่อขยายพันธุ์ ทั้งนี้ วาฬจะตั้งท้องนานประมาณ 1 ปี โดยเฉพาะปลาวาฬสีน้ำเงิน ลูกของมันขนาดแรกคลอด จะมีลำตัวยาวประมาณ 6 เมตร และหนักประมาณ 2 ตัน ทั้งนี้ น้ำนมของปลาวาฬ มีโปรตีนและไขมันสูงถึงร้อยละ 40 ดังนั้น ลูกปลาวาฬจึงเจริญเติบโตอย่างเร็ว
          ส่วนเรื่องอาหารของวาฬนั้น พบว่า วาฬจะกินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร โดยในแต่ละวันวาฬสีน้ำเงินที่โตเต็มที่จะกินแพลงตอนถึงวันละ 4 ตัน แต่ขณะเดียวกัน ก็อาจจะกินสัตว์น้ำขนาดเล็กเข้าไปด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า วาฬสามารถดำน้ำลงไปหาอาหารได้ถึงระดับความลึกประมาณ 100 เมตร และปกติวาฬจะดำน้ำได้นานราว 20-30 นาที แต่มีบันทึกสูงสุดว่าดำได้นานถึง 36 นาที และพ่นน้ำได้สูงถึง 9 เมตร ด้วย

          นอกจากนี้ วาฬสีน้ำเงินยังเป็นสัตว์ที่ส่งเสียงร้องได้กว้างไกลที่สุดในโลก โดยเป็นการส่งเสียงในลักษณะของคลื่นเสียงที่มีความหลากหลาย และมีค่าความดังของเสียงอยู่ที่ 188 เดซิเบล ทำให้ได้ยินไปไกลเป็นระยะทางราว 1,600 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อกันว่าการส่งเสียงดังกล่าว ไม่ใช่เพื่อการสื่อสารระหว่างฝูงวาฬสีน้ำเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่น่าจะเป็นการใช้คลื่นเสียงเพื่อการนำทางใต้ท้องทะเลอีกด้วย
          ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงศตวรรษที่ 20 วาฬสีน้ำเงินถูกล่าจนเกือบจะสูญพันธุ์ และสาเหตุของการล่าวาฬ ก็คือความต้องการน้ำมันของวาฬ และการล่าเพื่อนำมาเป็นอาหาร ดังนั้น ประมาณกลางทศวรรษ 1960 จึงเริ่มมีการปกป้องวาฬชนิดนี้อย่างจริงจัง และในปี 1986 คณะกรรมการควบคุมการล่าวาฬนานาชาติ (International Whaling Commission) หรือไอดับเบิลยูซี (IWC) ได้สั่งห้ามการล่าวาฬในเชิงพาณิชย์ ทำให้ความต้องการน้ำมันวาฬลดลง
          อย่างไรก็ตาม นักสำรวจคาดว่า ในปัจจุบันยังคงมีวาฬสีน้ำเงินในซีกโลกใต้เหลืออยู่ประมาณ 2,300 ตัว อีกทั้งมีหลักฐานที่คาดว่าจำนวนวาฬสีน้ำเงินยังเพิ่มขึ้นอย่างทรงตัว คือ ประมาณปีละ 7%  แต่ก็ยังถือว่ายังอยู่ในระยะอันตรายที่เสี่ยงจะสูญพันธุ์อยู่ดี
  ทำไมต้องล่า “วาฬ” ?
       วาฬถูกล่าเพื่อ “เนื้อ” และ “น้ำมัน” เป็นหลัก โดยการล่าวาฬสามารถย้อนกลับไปได้ไกลถึง 3,000 ปีก่อน ค.ศ.ชาวอินนูอิตในกรีนแลนด์ล่าวาฬเพื่อยังชีพ ส่วนชาวญี่ปุ่นและนอร์เวย์ต่างมีวัฒนธรรมในการล่าวาฬ โดยการล่าวาฬเป็นอุตสาหกรรมนั้นเริ่มต้นในคริสศตวรรษที่ 17 และมีการล่าวาฬหนักขึ้นในช่วงศตววรษที่ 18-19 โดยในอดีตเมืองต่างๆ ของสหรัฐฯ และยุโรปใช้น้ำมันจากวาฬเป็นเชื้อเพลิงในการจุดตะเกียง
     
       จนกระทั่งในปี 1986 คณะกรรมการควบคุมการล่าวาฬนานาชาติ (International Whaling Commission) หรือไอดับเบิลยูซี (IWC) ได้ห้ามการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันความต้องการน้ำมันวาฬลดลงมาก และเหลือเพียงการล่าเพื่อเป็นอาหาร โดยปัจจุบันวาฬมิงก์ซึ่งเป็นวาฬขนาดเล็กที่ถูกล่ามากที่สุด
     
       “ไอดับเบิลยูซี” คณะกรรมการจัดสรรโควตาล่าวาฬ
       คณะกรรมการควบคุมการล่าวาฬนานาชาติจัดตั้งขึ้นเมื่อ 2 ธ.ค.1946 ณ กรุงวอชิงตัน ดี ซี สหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อการล่าวาฬที่เหมาะสมต่อจำนวนวาฬที่มีอยู่ รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมล่าวาฬ ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 88 ประเทศ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นและนอร์เวย์ที่ล่าวาฬเป็นวัฒนธรรมด้วย
     
       ภารกิจหลักของไอดับเบิลยูซี คือกำหนดจำนวนและตารางที่เหมาะสมในการล่าวาฬ ซึ่งการกำหนดนี้เพื่อคุ้มครองวาฬบางสปีชีส์ กำหนดพื้นที่เฉพาะให้วาฬได้หลบภัยจากการล่า จำกัดจำนวนและขนาดของวาฬที่จะถูกล่า วางเงื่อนไขสำหรับการเปิด-ปิดฤดูกาลล่า และห้ามล่าลูกวาฬและวาฬตัวเมียที่มีลูกอ่อน และผู้ล่าวาฬยังต้องรวบรวมรายงานการจับ รวมถึงสถิติและข้อมูลเชิงชีววิทยาให้แก่คณะกรรมการด้วย
     
       สัตว์ใหญ่ที่กินเฉพาะสัตว์เล็ก
       วาฬสีน้ำเงินเป็นวาฬกรองกิน (baleen whale) มีแผ่นกรองซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับเล็บที่เรียกว่า “บาลีน” (baleen) เชื่อมกับขากรรไกร และจัดเป็นสัตว์กินเนื้อ แต่เหยื่อของวาฬกลับเป็นแพลงก์ตอนสัตว์ขนาดเล็กๆ เวลากินอาหารสัตว์น้ำขนาดยักษ์นี้จะกลืนน้ำปริมาณมหาศาลเพื่อกรองเอา “กริลล์” (krill) สัตว์น้ำขนาดเล็กคล้ายกุ้งและกลืนกิน
     
       วาฬต้องดำน้ำลงไปล่ากริลล์ที่ความลึกประมาณ 100 เมตร และปกติจะดำน้ำนาน 20 นาที แต่มีบันทึกสูงสุดว่าดำได้นานถึง 36 นาที ทั้งนี้ วาฬสีน้ำเงินที่โตเต็มวัยกินกริลล์วันหนึ่งได้มากถึง 4 ตัน
     
       วาฬไม่ใช่ “ปลา” 
       เราคุ้นเคยกับการเรียกวาฬว่า “ปลาวาฬ” เช่นเดียวกับการเรียกโลมาว่า “ปลาโลมา” แต่สัตว์น้ำทั้งสองชนิดนั้นเป็นสัตว์เลือดอุ่นที่เลี้ยงลูกด้วยนม ต่างจาก “ฉลาม” ที่จัดเป็นปลาชนิดหนึ่ง ทั้งวาฬและโลมาเป็นสัตว์ในลำดับเซตาเซีย (Cetacea) เช่นเดียวกัน โดยวาฬจะหายใจได้เช่นเดียวกับคน และหายใจแต่ละครั้งสามารถดำน้ำได้นานถึง 20 นาที และวาฬยังพ่นน้ำออกจากช่องหายใจได้สูงถึง 9 เมตร
     
       วาฬแรกเกิดหนักได้ถึง 3 ตัน และมีขนาดถึง 8 เมตร โดยในช่วงปีแรกวาฬตัวน้อย จะกินนมแม่อย่างเดียวมากถึงวันละ 91 กก. ซึ่งวาฬมีอายุเฉลี่ยประมาณ 80-90 ปี โดยศัตรูของวาฬนอกจากมนุษย์แล้วยังมีปลาฉลามที่เป็นผู้ล่าอีกชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ทุกๆ ปียังพบว่าวาฬบาดเจ็บจากการปะทะกับเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ด้วย
     
       นักท่องสมุทรส่งเสียงได้ไกล 1,600 กม. 
       วาฬสีน้ำเงินอาศัยอยู่ทั่วไปในมหาสมุทรทั่วโลก โดยมักจะว่ายน้ำเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ปกติจะพบเพียงลำพังหรือไปเป็นคู่ ในช่วงหน้าร้อนวาฬสีน้ำเงินจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในน่านน้ำแถบขั้วโลก และจะอพยพสู่แถบศูนย์สูตรในช่วงที่ฤดูหนาวมาเยือน โดยวาฬสีน้ำเงินจะว่ายน้ำได้ไกล 8 กม.ในเวลา 1 ชั่วโมง แต่หากตื่นเต้นหรือตกใจวาฬสีน้ำเงินจะเร่งความเร็วได้ถึง 32 กม.ต่อชั่วโมง
     
       นอกจากเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว วาฬสีน้ำเงินยังเป็นสัตว์ที่เสียงดังกังวานที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งภายในสภาวะที่เหมาะสม วาฬสีน้ำเงินสามารถส่งเสียงถึงวาฬอีกตัวที่อยู่ไกล 1,600 กิโลเมตรได้ โดยจะส่งชุดเสียงเป็นคลื่นสั้น เสียงครวญครางหรือโหยหวนออกไป
     
       ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าวาฬสีน้ำเงินไม่ได้ส่งเสียงเพื่อการสื่อสารเพียงอย่างเดียว แต่ใช้เพื่อนำทางใต้มหาสมุทรที่ลึกและอับแสงด้วย
     
       สถานภาพใกล้สูญพันธุ์ของวาฬสีน้ำเงินนั้น สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีสัตว์โลกใดรอดพ้นจากการคุกคามของมนุษย์ไปได้ แม้กระทั่งสัตว์ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ แต่ยังไม่สายเกินไปที่เราจะเพิ่มโอกาสให้เพื่อนร่วมโลกนี้ได้อยู่คู่กับมหาสมุทรต่อไป
วาฬสีน้ำเงิน (อังกฤษBlue whaleชื่อวิทยาศาสตร์:( Balaenoptera musculus) เป็นวาฬบาลีน ) และถือเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก วาฬสีน้ำเงินในขนาดปกติโดยทั่วไปจะยาวประมาณ 26-27 เมตร แต่ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมีความยาว 32 เมตร น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ ประมาณ 100-200 ตัน เฉพาะลิ้นก็มีน้ำหนักเกือบเท่ากับช้างหนึ่งตัว และหัวใจก็มีขนาดเท่ารถยนต์คันหนึ่ง อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้, แอตแลนติกและมหาสมุทรอินเดีย รวมถึงในมหาสมุทรแอนตาร์กติกาด้วย
ลูกวาฬจะกินเฉพาะแม่ที่มีไขมันสูงถึงร้อยละ 40 มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 4 กิโลกรัม
กินเคยและแพลงก์ตอนเป็นอาหาร แต่ก็อาจจะกินสัตว์น้ำขนาดเล็กเช่น ปลาขนาดเล็กเข้าไปด้วย สามารถดำน้ำลงไปหาอาหารได้ลึกถึง 100 เมตร และปกติจะดำน้ำนาน 20 นาที แต่มีบันทึกสูงสุดว่าดำได้นานถึง 40 นาที และพ่นน้ำได้สูงถึง 9 เมตร ทั้งนี้ วาฬสีน้ำเงินที่โตเต็มวัยกินเคยวันหนึ่งได้มากถึง 4 ตัน
วาฬสีน้ำเงินถูกล่าอย่างหนักเพื่อต้องการไขมันและน้ำมัน โดยเฉพาะในช่วง 70 ปีแรกของศตวรรษที่ 20 คาดว่ามีวาฬสีน้ำเงินราว 500,000 ตัวถูกฆ่าตาย ประชากรวาฬรอบเกาะเซาท์จอร์เจียในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ถูกฆ่าแบบล้างบาง รวมทั้งพวกที่เคยหากินอยู่นอกชายฝั่งญี่ปุ่นด้วย ประชากรวาฬสีน้ำเงินบางกลุ่มลดจำนวนลงถึงร้อยละ 93 จนเข้าสู่สภาพของการเป็นสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์ กระทั่งถึงช่วงกลางทศวรรษ 1950 จึงได้มีการอนุรักษ์ขึ้นมาอย่างจริงจัง [3]
นอกจากนี้แล้ว วาฬสีน้ำเงินยังเป็นสัตว์ที่ส่งเสียงร้องได้กว้างไกลที่สุดในโลกอีกด้วย โดยสามารถส่งได้ได้ดังถึง 1,500 กิโลเมตร ในลักษณะของคลื่นเสียงที่มีความหลากหลาย ซึ่งเชื่อกันว่าไม่ได้เป็นไปในการสื่อสารเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังใช้การนำทางอีกด้วย
ปัจจุบัน มีปริมาณวาฬสีน้ำเงินในซีกโลกใต้อยู่ประมาณ 1350 ตัว อีกทั้งมีหลักฐานว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ต่อปี แต่ยังไม่มีการประมาณจำนวนวาฬชนิดนี้ที่ดีพอในบริเวณอื่นของโลก 

วาฬสีน้ำเงินวาฬสีน้ำเงิน (Blue Whale) เป็นสัตว์ที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในโลก ไม่จัดอยู่ในกลุ่มปลาเนื่องจากเป็นสัตว์เลือดอุ่นและเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ถิ่นอาศัยอยู่ในทะเลลึกทั่วไป เจ้าวาฬกลุ่มนี้ถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเล เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ไม่มีอันตรายกับมนุษย์หรือสัตว์อื่นๆ อาศัยกินแพลงก์ตอนหรือสัตว์น้ำขนาดเล็กๆเป็นอาหารเท่านั้น

ลักษณะทั่วไปของวาฬสีน้ำเงิน
วาฬสีน้ำเงิน ยักษ์ใหญ่แห่งท้องทะเล มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Balaenoptera musculus เป็นสัตว์เลี้ยงลูกลูกด้วยนม ไม่จัดเป็นพวกปลา เนื่องจากเป็นสัตว์เลือดอุ่น เมื่อโตเต็มที่สามารถยาวได้ถึง 30 เมตร หรือเท่ากับตึกสูง 7-8 ชั้น หนักได้ถึง 200 ตัน (อ่านไม่ผิดครับ 200 ตัน หรือ 200,000 กิโลกรัม!!) และจาการศึกษายังพบว่าวาฬสีน้ำเงินมีลิ้นอันใหญ่โตเท่ากับช้างขนาดใหญ่ 1 ตัวและมีหัวใจขนาดเท่ากับรถเก๋ง 1 คันเลยทีเดียว
วาฬสีน้ำเงินแหล่งที่อยู่ของวาฬสีน้ำเงิน
วาฬสีน้ำเงินสามารถพบได้ทั่วไปในทะเลเปิดแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย รวมถึงในมหาสมุทรแอนตาร์กติกาอันเยือกเย็นด้วย ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งหาอาหารแล้ว ยังเป็นแหล่งสำหรับการสืบพันธุ์และการดูแลลูกด้วย โดยที่ลูกวาฬสีน้ำเงินที่เกิดใหม่จะมีน้ำหนักแรกเกิดราว 3-4 ตัน และด้วยการกินน้ำนมแม่เพียงอย่างเดียว จะทำให้น้ำหนักของลูกวาฬเพิ่มขึ้นถึงชั่วโมงละ 4 กิโลกรัม!
ลูกวาฬสีน้ำเงินอาหารของวาฬสีน้ำเงิน
วาฬสีน้ำเงินก็เหมือนกับวาฬทั่วไปที่ชอบกินอาหารจำพวกตัวเคยและแพลงก์ตอนขนาดเล็ก รวมถึงพวกปลาและสัตว์น้ำขนาดเล็ก ซึ่งด้วยน้ำหนักตัวที่มากมายนับแสนกิโลกรัม ทำให้ปริมาณอาหารที่ต้องการในแต่ละวันสูงมากขึ้นไปด้วย
แพลงก์ตอน อาหารของวาฬสีน้ำเงิน
อาหารของวาฬสีน้ำเงิน
ภาพรวมการดำรงอยู่ของวาฬสีน้ำเงิน
วาฬสีน้ำเงินเหลืออยู่ในธรรมชาติราว 2,300 ตัวเท่านั้น ซึ่งถือว่าเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก สาเหตุก็เนื่องมาจากการล่าของมนุษย์เพื่อต้องการเนื้อและไขมันของพวกมัน ทำให้ปริมาณของวาฬสีน้ำเงินที่เคยชุกชุม ลดปริมาณลงอย่างน่าใจหาย แต่ปัจจุบันได้เกิดกระแสต่อต้านการล่าวาฬขึ้นทั่วโลก ทำให้สถานการณ์ของพวกมันดีขึ้นเป็นลำดับ

ปลาวาฬสีน้ำเงินขนาด: ใหญ่กว่าไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุด ปลาวาฬสีน้ำเงินเติบโตไปยาวประมาณ 30 เมตร (ประมาณ 100 feet) พวกเขาเชื่อว่าการชั่งน้ำหนักในที่ 180000 kg (เกือบ 400000 ปอนด์) – เหมือนกับพร้อมกับโบอิง 747-400 เครื่องบินขึ้น – แต่ชั่งสัตว์เช่นขนาดใหญ่ยากมากที่จะทำ วัดส่วนใหญ่ได้ทำในระหว่างยุคเมื่อพวกเขาถูก hunted – นายพรานจะตัดปลาวาฬที่ขึ้นเป็นชิ้น และชั่งน้ำหนัก แต่ละชิ้นส่วนแยกต่างหาก นี้เสมอให้รูปมีขนาดเล็กกว่าจริงสำหรับน้ำหนักของ
ปลาวาฬสีน้ำเงินที่วิเศษข้อเท็จจริง:ลิ้นมีขนาดใหญ่เป็นช้าง – กว้าง และยาวเพียงพอสำหรับ 50 คนยืนบนหัวใจของมันคือ ขนาดของรถขนาดเล็ก แม้แต่ที่เกิด ที่ชั่งน้ำหนักเกือบถึง 20 ผู้ใหญ่มนุษย์
ข้อมูลปลาวาฬสีน้ำเงิน: วาฬสีน้ำเงินเป็นชนิดของปลาวาฬ baleen – ปลาวาฬ baleen ไม่มีฟันในขากรรไกรบนของพวกเขา แทนพวกเขาได้เป็นbaleen -สิ่งที่ต้องการซี่ – ซึ่งจะใช้ในการกรองของอาหารจากน้ำ พวกเขาอยู่ในความเป็นจริง Rorquals ใดรวมทั้ง เป็น Baleen มีพับยืดหยุ่นของผิวหนังที่ใช้จากปากของพวกเขาไป bellybuttons ของตนเอง นี้ทำให้พวกเขาเปิด mouths ของพวกเขาที่กว้างมาก และใช้เวลาในอาหารกับแต่ละ gulp ซึ่
เนื่องจากปลาวาฬสีน้ำเงินเป็น Baleen whales ตามที่เป็นกำลังของโลกที่ใหญ่ที่สุด สัตว์
  • Rorqual ที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ ปลาวาฬสีน้ำเงิน
  • ปลาวาฬ Baleen ที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ ปลาวาฬสีน้ำเงิน
  • ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Cetacean เป็นวาฬสีน้ำเงิน (Cetaceans รวมปลาวาฬ นับ และ dolphins) ,
  • ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Mammal เป็นปลาวาฬสีน้ำเงิน และ
  • ในโลกที่ใหญ่ที่สุด Vertebrate เป็นวาฬสีน้ำเงิน
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของวาฬสีน้ำเงินคือBalaenoptera musculus หมายความว่าBalaenoptera “winged ปลาวาฬ” (คำ Opteraหมายถึง ปีก ในภาษาละติน) นอกจากนี้พวกเขาจริง ๆ ไม่มีปีก อย่างไรก็ตาม เขามีครีบด้านข้างที่มีขนาดใหญ่มาก Musculusอะไรบ้าง เป็นภาษาละตินสำหรับ “ผึ่ง” และยัง สำหรับ “เมาส์” – ใช่ สัตว์ที่ใหญ่ที่สุดเคยถูกเรียก ปลาวาฬเมาส์ตัว เป็นตลกโดยนักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อว่ามัน
การอยู่อาศัยของปลาวาฬสีน้ำเงิน: ทะเลทั้งหมดเป็นบ้านของพวกเขา หมายเหตุว่า ปลาวาฬเป็นสัตว์ ปลาไม่ เพื่อให้หายใจอากาศเหมือนกับเรา และนมแก่พวกเขาทารก whales – ประมาณ 400 ลิตร (100 แกลลอน) ทุกวัน วาฬสีน้ำเงิน เหมือนกับปลาวาฬทั้งหมด ต้องมาขึ้นกับพื้นผิวอย่างสม่ำเสมอในการหายใจ พวกเขาสามารถเก็บลมหายใจของตนเองประมาณครึ่งชั่วโมง แต่พวกเขาไม่เคยอาบน้ำไกลจากพื้นผิว ในศตวรรษล่าช้า 19 และต้น 20 (จนถึง 1970′s), ผู้ชายเอาประโยชน์นี้ล่าปลาวาฬเหล่านี้ มีประมาณในตอนนั้นมีอยู่เฉพาะปลาวาฬสีฟ้าประมาณ 5000 ไป 12000 ในโลกทั้งหมด ก่อนเริ่มต้นล่าสัตว์ มีมากกว่า 100 ครั้งนี้จำนวน ถึงตอนนี้ ปลาวาฬดิ้นรน กาลครั้งหนึ่ง ปลาวาฬไม่สามารถได้ยินเพื่อนเรียกจากเป็นด้านตรงข้ามของโลก ขณะนี้ เรือสมัยใหม่ได้ทำสถานที่มีเสียงดังมหาสมุทร และมันทำความ noiser และ noiser ทุกปี นี้จะทำยากขึ้น และยากต่อการปลาวาฬไป socialise และอาจเป็นเหตุให้จำนวนประชากรของตนได้ไม่ไปขึ้นมากเนื่องจากหยุดการล่าสัตว์

Blue Whale Skeleton in Santa Cruz
Blue Whale Skeleton in Santa Cruz
อาหารปลาวาฬสีน้ำเงิน: ปลาวาฬสีน้ำเงิน แม้ดังนั้นขนาดใหญ่ กินขนาดเล็กมากเหมือนกุ้งสัตว์ กุ้งเคยเรียกว่าในความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้โดยทั่วไปจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 หรือ 2 เซนติเมตรยาว เป็นตัวเป็นตน ปลาวาฬสีน้ำเงินต้องกินดูยอดเยี่ยมกุ้งเคยมากทุกวันเพื่อเอาตัวรอด มันว่ายน้ำไปด้วยกุ้งหลายหลายเคย ถ่ายแบบ gulp ใหญ่ของน้ำ และจากนั้น กดน้ำออกจากปากของผ่าน Baleen ในสถานที่นั้น กุ้งเคยจะติดอยู่ในปากของ แล้ว swallowed
ปลาวาฬสีฟ้าสามารถว่ายน้ำที่ความเร็วสูงสุด 50 kph (30 mph), แต่โดยปกติจะล่องเรือที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่ได้ เมื่อรับประทาน พวกเขาอาบช้ามากแน่นอน kph เพียง 5 (3 mph) โดยปกติเขาเหล่านั้นอยู่คนเดียว หรือ เป็นคู่ และมันจะเชื่อเขาเหล่านั้นสามารถอยู่ได้ถึง 80 ปี
รูปภาพปลาวาฬสีน้ำเงิน: มันยากที่จะได้รับรูปถ่ายของปลาวาฬสีน้ำเงิน เนื่องจากสิ่งมีชีวิตที่น้อยมาก โครงกระดูกในภาพข้างบนจอแสดงผลที่ศูนย์วิจัยทางทะเลในแคลิฟอร์เนีย เป็นต่อยหอย หรือให้ออกจากตำแหน่งที่ปลาวาฬสีน้ำเงินที่ซักน้ำขึ้นฝั่งได้คุณสามารถแม้แต่เห็นโครงกระดูกในภาพถ่ายดาวเทียม- ดูด้านล่าง และเปรียบเทียบขนาดของโครงกระดูกกับรถยนต์ที่ parked ใกล้เคียง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น